ผู้เขียน หัวข้อ: รถยนต์ไฟฟ้า Tesla VS BYD King of EV car? 2 รุ่น 2 ทางเลือกที่แตกต่างเลือกคันไหนด  (อ่าน 4 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 294
    • ดูรายละเอียด
รถยนต์ไฟฟ้า Tesla VS BYD King of EV car? 2 รุ่น 2 ทางเลือกที่แตกต่างเลือกคันไหนดี?

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าสนใจมากที่สุดในตอนนี้น่าจะเป็น TESLA รถจากฝั่งอเมริกาที่เป็นกระแสมาแรงและเรียกว่าเป็น "Top" ของรถยนต์ไฟฟ้าของโลกอาจจะได้ และในส่วนของฝั่งประเทศจีนนั้นก็มี BYD ที่เป็น "BIG" ของการทำระบบรถยนต์ไฟและแบตเตอรี่รายใหฐ่ของโลกเช่นกัน ซึ่งรถยนต์ทั้ง 2 รุ่นมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน และยังมีความแตกต่างเรื่องของเทคโนโลยี ความสะดวกสบายและสำคัญคือ "ราคา" ที่ต่างกันพอสมควร ถ้าเป็นคุณจะเลือกคันไหนดี?
 

รถยนต์ไฟฟ้าที่นำมาเทียบกันคือ TESLA MODEL 3 PERFORMANCE และ BYD SEAL PERFORMANCE นับเป็นรุ่นท็อปสุด แรงสุดจัดเต็มสุดและราคาสูงสุดทั้งคู่ พลังกำลังไม่ต่างกันมากนักและยังมีระบบขับเคลื่อน 2 มอเตอร์หน้า- หล้งแบบ AWD เช่นเดียวกัน ทำให้เป็นคู้ต่างที่เหมาะสมกันมาก ๆ ในตอนนี้ ทางทีมงานจึงอยากนำมาวิเคราะห์เทียบเคียงกันให้รู้ไปเลยครับว่า ทั้งรุ่นนี้มีจุดเด่นจุดด้อยอย่างไร

 
TESLA MODEL 3 PERFORMANCE (Highland) 2.199 ล้านบาท

รูปลักษณะภายนอกของทั้ง 2 รุ่นนั้นส่วนตัวชอบส่วนหน้าของ TESLA MODEL 3 PERFORMANCE โฉมใหม่ (Project Highland) หรือที่เรียกกันว่า "Highland" นำเข้าจากโรงงาน Tesla Gigafactory Shanghai ประเทศจีน (CBU) กับราคาเริ่มต้น  2,199,000 บาท* ตาตี่เล็กลงรูปทรงดูผอมบางเพรียวสปอร์ตมากขึ้น ไฟท้ายเป็นรูปอักษรตัว "C"  หากย้อนไปจะนึกถึงไฟท้ายของ "Accord" หรือมีคนเปรียบเทียบเป็น "แม็ก" เย็บกระดาษ! 
 
TESLA MODEL 3 PERFORMANCE มีมิติรถ 4,720 x 1,933 x 1,441 มม. ฐานล้อ  2,875 มม. กันชนหน้า ดีไซน์ใหม่ BeSpoke Performance Design สปอยเลอร์หลัง Carbon Fibre แบบ Built-in โลโก้ "PLAID" ที่ฝากระโปรงท้าย ล้อ Forged ขนาด 20 นิ้ว ลาย Warp Wheels ระยะต่ำสุดถึงพื้น Ground Clearance เตี้ยลงกว่ารุ่นปกติ 10 มิลลิเมตร ปรับปรุงแชสซีส์ใหม่ Performance Chassis ช่วงล่างแบบ Adaptive Suspension โหมดการขับขี่แบบ TRACK Mode V3 ระบบเบรก High Performances คาลิปเปอร์เบรก สีแดง เบาะนั่งแบบ Sport Seats พร้อมสัญลักษณ์ Plaid
 
ภายในตกแต่งด้วย Carbon Fibre คอนโซลหน้า ดีไซน์ใหม่ ก้านเปลี่ยนเกียร์ เป็น แบบควบคุมจากหน้าจอและปุ่มกดบนเพดานกรณีฉุกเฉิน ไฟเลี้ยวแบบปุ่มกดบนพวงมาลัยนิ้วโป้งซ้ายพร้อมแสดงภาพรถด้านข้างรถ จอกลาง Touchscreen เป็น ขนาด 15.4 นิ้ว เพิ่มจอขนาด 8 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ลำโพงจาก 17 ตำแหน่ง เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Perforated แบบเจาะรูพร้อมระบายอากาศ Ambient Light ระบบความสะดวกสบายและปลอดภัยเต็มคันทั้งกล้องรอบคัย ระบบเตือนต่าง ๆ มากมาย
 
TESLA MODEL 3 PERFORMANCE 460 แรงม้า น้อยกว่า Seal แต่ได้แรงบิด 723 นิวตันเมตร โหดกว่า!
พลังมอเตอร์คู่ Dual Motors พละกำลัง 460 แรงม้า 723 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-ion NMC ขนาดความจุ 79.0 kWh ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD Performance ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.1 วินาทีและทำความเร็วสูงสุด 262 กม./ชม. พร้อมกับระยะทางวิ่ง 528 km. (มาตรฐาน WLTP) หัวชาร์จ Type 2 AC 11.5 kW / CCS Combo DC Fast Charging 250 kW ถ้าใช้ Supercharger ของ Tesla เองก็ยิ่งเร็วขึ้นไปอีก
ปล.ค่าใช้จ่าย Supercharger คิดเป็นนาที 12 บาทต่อนาที และกรณีชาร์จเต็มแล้วยังไม่มาเลื่อนรถออก 24 บาทต่อนาที

ระหว่างรอคุณสามารถเล่นเกม แต่งทำนอง แกลงเพื่อนด้วยเสียงตด เปลี่ยนไอคอนรถเปลี่ยนสีรถ วาดรูปเล่น หรือเปลี่ยนเป็นโหมดครสต์มาส เล่นระบบต่างบนหน้าจอได้เยอะ และสามารถพูดกระจายเสียงสู่ภายนอกได้ด้วย รวมถึงมีโหมดแคมป์ปิ้ง สัตว์เลี้ยง "Dog Mode" ที่จะมีกล้องตรวจจับภายในรถเวลาต้องทิ้งน้องไว้ สามารถดูความเคลื่อนไหวได้บนแอฟเทสล่าอีกด้วย Camp Mode ที่จะเปิดระบบทำความเย้นและจะตรวจจับระดับแบตฯ ว่าใกล้หมดก็จะเปิดกระจกแง้ม ๆ ไว้ให้เพื่อว่าต้องปิดแอร์ และ Sentry Mode ที่จะเปิดระบบไฟใช้งานในลักษณะจอดรอไว้ และนอกจากนี้ยังมี ที่ชาร์จไร้สาย 2 ช่อง ช่างจ่ายไฟ USB-C
 
เรื่องสมรรถนะการขับขี่ด้านอัตราเร่งนั้นแรงดึงหน้าหงายและการควบคุมเนียน ๆ การออกตัวแรง ๆ ไม่ส่งผลให้รถส่ายหรือแกว่งเท่าไหร่นัก พวงมาลัยคมกระชับควบคุมแม่นยำ แต่น้ำหนักมากหน่อยแม้จะเลือกเป็นเบาสุดดแล้วก็ตาม แต่ก้ให้ความมั่นใจดี ส่วนช่วงล่างก็ยอมรับเลยครับว่าเกาะเป็นตุ๊กแก แน่นหนึบและนิ่งมาก ออกไปทางแข็ง ๆ เฟิรม์ ๆ แต่ไม่จุกไม่กระเด้งเท่ารถตัวแรง ๆ ในบรรดาค่ายยุโรป

เบาะนั่งคนขับกระชับลำตัวดี แต่ส่วนตัวรู้สึกมันแน่นไปและผิวสัมผัสมีความแข็ง ๆ แต่มีมุมอื่น ๆ ที่ชอบคือเป่าลมเย็น และสรีระท่านั่งปรับวงมาลัยและตำแหน่งเบาะให้นั่งสบายได้อย่างลงตัว ส่วนวิสัยทัศน์โดยรวมดีด้านหน้ากว้างมองเห็นโปร่งสบายลดมุมอับสายตา กระจกมองข้างขนาดกำลังดีไม่ใหญ่เกินไปมองง่ายชัดเจน

สิ่งที่ยังไม่ค่อยคุ้มเคยและต้องปรับตัวเยอะมาก ๆ คือ ระบบไฟเลี้ยวที่อยู่บนพวงมาลัยนี่แหละครับ ใช้ยาก ยิ่งเวลาหมุนเลี้ยวอยู่จำเป็นต้องเปิดไฟเลี้ยวนี่มี "งง" แน่นอนเพราะกลับหัวกลับหาง ควต้องใช้จนคุ้มเคยอีกหน่อย และระบบแอร์จะไม่ค่อยเย็นเท่าไหร่ต้องเลือกอุณหภูมิต่ำมาก ๆ เช่น 21,22 องศาถึงจะเย็นฉ่ำ และบวกกับหลังคาแก้วที่ไม่มีตัวช่วยลดแสงแดดเลย แม้จะกัน UV กันความร้อนแต่ได้แค่ระดับนึง และยิ่งรถเทสคันนี้ไม่มีฟิลม์ยิ่งเดือด ๆ เลยครับ

สิ่งที่ชอบมาก ๆ คือ ความฉลาดของระบบ TESLA คันนี้ ซึ่งมีการเพิ่มเติมแพคเกจไว้แล้ว นั่นคือ ระบบ Enhanced Autopilot เพิ่ม 122,000 บาท ระบบขับขี่อัจฉริยะต่าง ๆ ความแม่นยำของระบบตรวจสิ่งกีดขวางและความสมูทในการทำงานที่เนียนมาก ๆ รวมถึง ระบบออกรถเมื่อจอดในลักษณะต่าง ๆ เนื่องด้วยเกียร์ใช้งานลำบากต้องเลื่อนบนหน้าจอ เทสล่าเลยคิดเผื่อไว้ให้ว่า หากจอดเอาหน้าเข้า เมื่อเหยียบเบรกรถจะใส่เกียร์ถอย "R" ให้อัตโนมัติทันที (เลือกเปิด-ปิดฟังก์ชั่นนี้ได้) หรือจอดท้ายเข้าก็จะใส่เกียร์ "D" ให้ทันที
 

TESLA Model 3 Performance AWD  เริ่มต้น  2,199,000 บาท*
การรับประกันรถใหม่แบบจำกัด
รถของคุณอยู่ในความคุ้มครองภายใต้การรับประกันรถใหม่แบบจำกัด ซึ่งรวมถึงการรับประกันพื้นฐานของรถแบบจำกัด การรับประกันระบบถุงลงนิรภัยแบบจำกัด และการรับประกันแบตเตอรี่และชุดขับเคลื่อนแบบจำกัด
การรับประกันพื้นฐานของรถแบบจำกัด
การรับประกันพื้นฐานของรถแบบจำกัดจะคุ้มครองรถของคุณเป็นเวลา 4 ปีหรือ 80,000 กม. แล้วแต่ว่าจะถึงระยะใดก่อน
การรับประกันระบบถุงลงนิรภัยแบบจำกัด
การรับประกันระบบดึงรั้งเสริมแบบจำกัดให้ความคุ้มครองยานพาหานะของคุณเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 แล้วแต่ว่าจะถึงระยะใดก่อน
แบตเตอรี่และชุดขับเคลื่อน
8 ปีหรือ 192,000 กม. แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน โดยมีการคงความจุของแบตเตอรี่ไว้ขั้นต่ำ 70% ตลอดระยะเวลาการรับประกัน
 
มีให้เลือก 5 สี
สีดำ Solid Black
สีขาว Pearl White Multi-Coat (+50,000 บาท)
สีน้ำเงิน Deep Blue Metallic (+50,000 บาท)
สีเทา Stealth Grey (+75,000 บาท)
สีแดง Ultra Red (+85,000 บาท)
 
Enhanced Autopilot +122,000 บาท
Navigate on Autopilot
Auto Lane Change
Autopark
Summon
Smart Summon
 
Full Self-Driving Capability +244,000 บาท
All Function of Basic Autopilot and Enhanced Autopilot
Traffic Light & Stop Sign Control
Autosteer on city streets (upcoming)

 
BYD SEAL PERFORMANCE 1,499,000 บาท

BYD SEAL PERFORMANCE ของดีราคาคุ้มค่า!!! รูปทรงยอมรับว่ามีความโดดเด่นตั้งแต่เปิดตัวและเป็นพิมพ์นิยมมาก ๆ ในตอนนี้ ซีดานสปอรืตไฟฟ้าได้ทั้งหรูแรงและพรีเมี่ยม ถือว่าเป้นรถฝั่ง "จีน" ที่ออกแบบมาได้ลงตัวมาก ๆ รุ่นหนึ่ง และที่สำคัญราคาคุ้มค่าเร้าใจมาก ๆ จ่ายแค่ 1.5 ล้านบาท ได้พลัง 523 แรงม้า แรงบิดระดับ 670 นิวตันเมตร AWD นับว่าคุ้มค่ามาก ๆ ในระดับนี้
 
ภายนอกไฟหน้าที่เป็นเอกลักษณ์พร้อมกับไฟ LED แบบ Double-U Floating เส้น ๆ ซ้อนกันที่กันชนที่ตะโกนว่า "เราคือ ซีลนะ" ด้านข้างโค้งมนลงตัวไม่แพ้ Tesla ล้ออลัลลอยลายแปลกตา มาถึงส่วนท้ายที่ให้ความสวยงานและมีเส้นสายกับไฟท้ายที่โดดเด่นเฉพาะตัว เป็นจุดนึงที่ส่วนตัวชอบมากกว่าใน Tesla ครับ ส่วน SEAL คันนี้ก็มีโลโก้ ตัวอักษร "3.8S" ฝั่งขวาและ "AWD" ฝั่งซ้ายที่ท้ายรถ บอกถึงตัวแรงเหมือนกับเทสล่าที่มีแผ่น "สัญลักษณ์ Plaid"
 
ภายในแล้วแต่มุมมองส่วงตัวมองว่ามันเน้นสปอร์ต ซน ๆ หวืดหวามากกว่าไปทางพรีเมี่ยม มีลูกเล่นเส้นสายที่โค้งมนสลับกับจอเหลี่ยนม ๆ ที่หมุนได้แนวตั้งและแนวนอน ซึ่งอุปกรณ์เพื่อใช้งานในการขับขี่ของ SEAL นั้น นับว่าใช้งานง่ายเป็นมิตรกับผู้ขับขี่มากกว่าทั้งเรื่องสวิตช์ต่าง ๆ ที่อยู่นอกจอ ไม่ต้องพึงพาจอกลางเพียงอย่างเดียว เช่น ปรับกระจกมองข้าง ปลดล็อคประตู หรือสวิตช์เบรกมือไฟฟ้า หรือเลือกโหมดขับขี่ เป็นต้น ทางด้าน SEAL ให้ความสะดวกสบายมากกว่าเยอะและไม่ต้องปรับมากนัก อันนี้ขอปรมมือให้เลยครับ
 
พวงมาลัยมีฟังก์ชั่นให้ใช้งานง่ายกว่าฝั่งของเทสล่า และเป็นเมนูที่จำเป็นและได้ใช้งานเป็นประจำ รวมถึง มีมาตรวัดคนขับ LCD ขนาด 10.25 นิ้ว และมีระบบแสดงผลบนกระจกหน้า (W-HUD) ในขณะที่เทสล่าไม่มี ทำให้รู้สึกคุ้นเคยกว่า เวลามองผลการแสดงข้อมูลต่าง ๆ คุ้นตาไม่ต้องเบี่ยงสายตาไปจอกลาง และจอกลางก็มีลูกเล่นแบบหมุนได้ขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียดสูงถึง 1080P (1920x1080) ขอบจอบาง 5.9 มม. รองรับ Apple CarPlay/Android Auto ระบบเสียง Premium acoustics มาพร้อมชุดลำโพง 12 ตัว HIFI Dynaudio Audio  และที่ฐานเกียร์ก็ยังมีคันเกียร์แบบ "คริสตัล" ที่ใช้งานง่ายมาก ๆ ทำให้เหมือนขับรถสันดาปปกติ ไม่ต้องปรับตัว แต่ไปเน้นการขับขี่ที่ปลอดภัยมากขึ้นก็พอแล้ว
 
สิ่งอำนวยความสะดวกเด่น ๆ คือ ระบบจดจำตำแหน่งที่นั่งเบาะคนขับ + เบาะนั่งคนขับเลื่อนอัตโนมัติเมื่อสตาร์ทและระบบระบายอากาศ ระบบอุ่นเบาะ หลังคากระจกพาโนรามิก 2 ชั้น เคลือบด้วย Silver-plated ช่วยให้การส่องผ่านแสงไม่เกิน 4.2% แสงแดดส่องผ่านได้ไม่เกิน 16% ขนาดใหญ่ถึง 1.9 ตรม. และเจ้าของรถสามารถสั่งการทำงานได้ใน BYD application และฟังก์ชั่น VTOL Function จ่ายไฟได้ 2.2kW
 
BYD Seal PERFORMANCE มาพร้อมระบบการช่วยเหลือขับขี่ครบถ้วนไม่แตกต่างกับในเทสล่า เช่น เตือนออกนอกเลน ควบคุมรถให้อยู่ในเลน เตือนเบรกด้านหน้า-ด้านหลัง กล้องรอบคัน เตือนมุมอับสายตา ควบคุมความเร็วแปรผัน ซึ่งก็มีแค่บางระบบอย่าง Autopilot และ Full Self-Driving ในเทสล่าที่อยากได้ต้องจ่ายเพิ่ม กว่า 4 แสนบาท และอาจจะใช้งานไม่สะดวกนักในเมืองไทย
 
BYD SEAL PERFORMANCE แรงม้าเยอะ 523 ตัว แรงบิด 670 นิวตันเมตร แต่ออกตัวแพ้ฉิวเฉียด Tesla Model 3 ที่ มีถึง 723 นัวตันเมตร
BYD SEAL Performance มีมิติรถ 4,800 x 1,875 x 1,460 มม. ฐานล้อ 2,920 มม. สมรรถนะจากพลังของ Dual mortor หน้า 214 แรงม้าและ หลัง 308 แรงม้าพลังรวมทั้งระบบ 530 แรงม้า แรงบิด 670 นิวตันเมตร 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที แต่ว่าแรงบิดยังแพ้ทาง TESLA Model 3 Performance AWD ที่ทำเวลาได้ 3.1 วินาที ระบบแบตเตอรี่ 82.56 kWh วิ่งได้ 580 ต่อชาร์จ (NEDC)  DC รองรับ 150 Kw ช่วงล่างแปรผันตามความเร็ว น้ำหนัก 2,185 กก. ล้ออัลลอย 19 นิ้ว ยางจาก Continential สมรรถนะ อัตราเร่งเร่งดีด้วยหลังติดเบาะ ช่วงล่างยังนุ่มนวล เน้นใช้งานสะดวกสบาย พวงมาลัยหนักคมกระชับ เหมาะกับสายซิ่งเน้นความแรงมาก ๆ
 


BYD SEAL PERFORMANCE ราคา 1,499,000 บาท
บริการบำรุงรักษา ค่าแรง ค่าอะไหล่ 8 ปี หรือ 160,000 กม*
รับประกันตัวรถ (Waranty) 8 ปี หรือ 160,000 กม.*
รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กม.
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง 8 ปีเต็ม*

มีให้เลือก 4 สี
สีขาว Horizon White
สีดำ Quantum Black
สีเทาเข้ม Space Grey (เฉพาะรุ่น Premium RWD และ AWD Performance)
สีฟ้า Velocity Blue (เฉพาะรุ่น AWD Performance)

สิ่งที่ยังคาใจใน BYD SEAL คือ
ช่องวางแก้วน้ำเล็กมาก หลังคาแก้ว นั่งนาน ๆ บางคนอาจมึน ๆ เพราะแสงสะท้อน และถ้าเจอแดดแรง ๆ ก็อาจจะมีไอร้อนลอยลงมาใกล้ศีษระคนนั่ง พนักเบาะหลังตั้งชันเกินไป นั่งไม่สบาย คนตัวสุงกว่า 165 ซม. เบาะรองนั่งตอนหลังสั้นขาลอย นั่งนาน ๆ เมื่อย  การปรับช่องแอร์บังคับ ปรับทิศทางเองไม่ได้ ช่วงล่างที่ขับความเร็วสูง ๆ แล้วลอย ๆ ส่ายไม่นิ่ง ไม่หนึบ
 
แอดฯ ช้าง ฟังธง....! ใครเด่นกว่ากันแบบไม่เกรงใจ

ผมเชื่อว่าหลายคนคงมีความรู้สึกชื่นชอบไปทางฝั่ง TESLA มากกว่าเห็น จากสมรรถนะ ระบบต่าง ๆ รวมถึงการขับขี่ต้องยกให้เค้าครับ แต่สำหรับมองว่า การที่เราจะจ่ายเงินเยอะระดับเกิน 2 ล้านบาท เพื่อให้ได้สมรรถนะ ความเนียบและเทคโนโลยีระดับนี้ อาจดูเกินตัวมากไป ส่วนฝั่ง BYD ก็ให้สมรรถนะและฟังก์ชั่นที่ไม่น้อยหน้าเลย และเรื่องของการหารถยนต์ไฟฟ้าไว้ใช้งานในชีวิตประจำวันแน่นอนว่าต้องคำนึงหลายด้านเลย ในความเห็นส่วนตัวของผมเองมีมุมมองอย่างไรมาว่ากันเป็นข้อ ๆ กันเลยครับ
 

ภายนอก-TESLA Model 3 Performance AWD
ภาพรวมเทสล่าลงตัวกว่าเพราะ รูปทรงเตี๊ย ๆ แบบสปอร์ตถูกใจ การออกแบบได้สัดส่วนที่พอดีเพราะเน้นความเหลี่ยม ๆ คม ๆ เส้นตรง ๆ ไม่ค่อยมีมนโค้งแบบรถยนต์ยุค 90's (ความชอบส่วนตัว) ทำให้เลือกเทสล่าไปในข้อนี้ครับ
 

ภายใน-BYD SEAL AWD Performance
ภายในคงความเป็นรถยนต์ปกติเอาไว้มากที่สุดนั่นเอง ตั้งแต่มีมาตรวัดคนขับ พวงมาลัยทรงคุ้นเคย จอกลางที่มีลูกเล่นโดดเด่นและฐานเกียร์ที่ดูพรีเมี่ยมกว่าฝั่ง Model 3 เมื่อเข้ามานั่งตำแหน่งคนขับจะรู้สึกถึงความเป็นรถยนต์สไตล์สปอร์ตมาก ๆ กว่าในเทสล่าที่เรียบ ๆง่าย ๆ ดูเป็นแท่ง ๆ เหลี่ยม ๆ เส้นตรงเกินไปครับ 
 

ความสะดวกสบาย- BYD SEAL AWD Performance
ความสะดวกสบายยกให้ BYD SEAL เนื่องจากสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย (ตามชื่อเลย) ใช้งานได้ง่าย เป็นมิตรกับผู้ขับขี่ ทั้งการปรับใช้งานสวิตช์ต่าง ๆ ฟังก์ชั่นจำเป็นในการขับขี่ ที่ไม่ต้องเสียเวลาในการมองจอและต้องเกร็งมือในการ "เล็งและจิ้มนิ้ว" ให้ตรงกับปุ่มที่อยู่ในจอกลาง SEAL มีความง่าย ๆ ไม่ต่างกับรถยนต์ทั่วไป แม้กระทั่งไฟเลี้ยวยังอยู่ฝั่งขวา ในขณะที่รถแบรนด์รวมชาติอื่น ๆ อยู่ฝั่งซ้าย และในเทสล่าเองก็เป็นปุ่มกดบนพวงมาลัย
 

สมรรถนะ-TESLA Model 3 Performance AWD
เรื่องนี่ต้องยอมรับครับว่าระบบส่งกำลังและพลังแรงบิดของ Model 3 PERFORMANCE เค้ามีให้ใช้แบบล้นเหลือจริง ๆ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เฉีอนกันแค่เสี้ยววินาที และในความเร็วสูง ๆ ทำ TOP Speed ทะลุ 200 กม./ชม. ไปไกลมาก ๆ อย่างว่าแหละครับฝั่งอเมริกามีถนน Autobahn ให้ซัดกันแบบทะลุ 200 กม./ชม. สบาย ๆ โดยไม่โดนใบสั่ง!
 

ช่วงล่าง-TESLA Model 3 Performance AWD
ช่วงล่างยังเป็นของฝั่งเทสล่าครับ เพราะแน่นหนึบเกาะเป็นตุ๊กแก และนิ่งที่ความเร็วสูง ๆ มาก ขณะเดียวกันขับความเร็วต่ำ ก็ไม่กระเด้งจนจุก เรียกว่าได้ทั้ง นุ่ม หนึบ เกาะ ไปเลย ส่วนฝั่ง Seal จะเน้นไปทางการนั่งนุ่มสบายมากกว่าใช้ความเร็วสูง ๆ หากใครชอบความสบายในเมืองขับความเร็วกลาง ๆ ไม่สูงมากนัก ช่วงล่างเดิม ๆ นี้ถือว่าให้ได้ แต่ถ้าจะขับดุดัน อาจต้องระวังมากขึ้นครับ
 
ความปลอดภัย-TESLA Model 3 Performance AWD
ระบบความปลอดภัยทั้งหมดนั้น หากนับระบบพื้นฐานแล้ว มีเทียบเท่ากันเลย และในบางระบบของเทสล่า เมื่อจ่ายเงินเพิ่มเติมไป มีให้แบบจัดเต็มและฉลาดเอาเรื่อง แต่ก็อาจใช้งานได้ไม่ค่อยเสถีรตามจริง เพราะถนนในประเทศไทยและการจราจราที่มีสิ่งไม่คาดคิดเสมอ ๆ 


การใช้งานในระยะยาว- BYD SEAL AWD Performance
เรื่องการใช้งานระยะยาวส่วนตัวมองเรื่องของกำรไและขาดทุนเป็นหลัก หรือการซื้อรถยนต์เปรียบเป้นการลงทุนอย่างหนึ่ง ดังนั้น ถ้าเราลงทุนมากเกินความจำเป็น แม้จะให้สิ่งตอบแทนกลับมาได้กว่าเหนือกว่า แต่ก็ต้องจ่ายมากกว่าในหลาย ๆ ด้าน ทั้ง การบำรูงรักษา เช่น การเปลี่ยนยางแต่ละชุด เทสล่า ล้อขนาดใหญ่ 20 นิ้ว และจำเป็นต้องใช้ยางที่มีคุณภาพสูงตามกำลังอีกด้วย และยังรวมถึง การใช้งานอับเกรดระบบต่าง ๆ ที่ล้วนต้องเพิ่มเงินเกือยทั้งหมด แต่ฝั่ง Seal นั้น จ่ายทีเดียวจบ ได้ครบ ๆ ไม่มีให้ต้องอับเพิ่มแล้ว นับว่าใช้งานยาว ๆ แล้วน่าจะให้ความคุ้มค่ามากกว่าครับ 
 
บริการหลังขาย- BYD SEAL AWD Performance
BYD เข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยเกิน 2 ปีแล้ว พร้อมกับเริ่มจัดตั้งทั้ง โรงงาน ส่วนบริการอะไหล่ หรือแม้แต่ดีลเลอร์ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อง นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ๆ ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น รวมถึงมีโชว์รูมที่อยู่ใกล้บ้านมากกว่า อุ่นใจกว่าและปัจจุบันก็พัฒนางานบริการได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ครับ


ราคาคุ้มค่า- BYD SEAL AWD Performance
BYD SEAL PERFORMANCE ราคา 1,499,000 บาท นับว่าให้ความคุ้มค่าต่อราคาต่อสมรรถนะและเทคโนโลยีมากกว่า Tesla Model 3 Performance ที่ต้องจ่ายเพิ่มอีก 700,000 บาท แต่ก็เป็นอุปกรณืและรุ่นพื้นฐานที่มีแต่สีดำเท่านั้น
 

ฟันธง!...BYD SEAL PERFORMANCE
สรุปว่าส่วนตัว คิดว่า BYD SEAL PERFORMANCE คุ้มค่ากับราคาทั้งในแง้ใช้งาน การบำรุงรักษา และบริการหลังขาย ประหยัดเงินได้มาก แต่ให้สมรรถนะที่ไม่ต่างจาก TESLA MODEL 3 PERFORMANCE มากนักยังอยู่ในระดับที่รับได้สบาย ๆเลยครับ
 
เลือกตามความชอบและความพร้อมในกระเป๋าคุณ

สรุปรวมรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 2 รุ่นอาจจะเทียบกันได้ไม่ตรงคู่มากนัก ด้วยปัจจัยหลายอย่างทั้ง งานประกอบ คุณภาพ ราคา ฯลฯ ที่อาจมองว่า BYD จะดูด้อยกว่า แต่ความจริงแล้ว รถทั้ง 2 รุ่นนี้มีความเหมือนกันอยู่ คือ "เป็นรถที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่แรงสะใจและยังมีเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบถ้วนไม่แตกต่างกันมากนัก และยังเป็นรถยนต์ซีดานที่เน้นความเป็นทั้งรถสปอร์ต รถครอบครัว ขับขี่ได้ในชีวิตประจำวัน ใครชอบคันไหน งบประมาณมากน้อยเพียงขึ้นกับความสะดวกของงบแต่ละคนเลยครับ"

 

ลงประกาศฟรี ติดอันดับ Google โฆษณาฟรี ประกาศฟรี ขายฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว ลงโฆษณาฟรี google