อาหารสุขภาพ แก้อาการไมเกรน การรับประทานอาหาร ถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกายเราต้องได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแต่ละวัน เพราะการรับประทานอาหารส่งผลต่อร่างกายโดยตรง ซึ่งอาจจะทำให้เรามีอาการผิดปกติต่างๆได้ หากได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอหรือมากจนเกินไป ซึ่งในปัจจุบันคนเราหันมารับประทานอาหารที่มีประโยชน์มากยิ่งขึ้น เพราะเริ่มตระหนักถึงปัญหาสุขภาพที่อาจตามมาได้ โดยเฉพาะในวัยทำงานซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆได้
สำหรับในวัยทำงานนั้นมักจะมีอาการผิดปกติต่างๆ ที่มาจากการทำงาน โดยอาการที่มักพบบ่อยนั่นก็คืออาการปวดหัวไมเกรน ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง โดยมักมีอาการปวดศรีษะข้างเดียวหรือปวดทั้งสองข้าง ซึ่งในขณะที่ปวดก็มักจะมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนร่วมด้วย อาจมีความรู้สึกไวต่อเสียงและแสงสว่างมากกว่าปกติ ซึ่งอาการของไมเกรนจะเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ตั้งแต่ภาวะซึมเศร้าไปจนถึงภาวะที่มีความสุข มีความอยากอาหารบางอย่างเป็นพิเศษ มีอาการปวดตึงคอ กระหายน้ำและปัสสาวะบ่อยขึ้น หาวบ่อย เกิดอาการท้องผูก ซึ่งจะหากเกิดอาการปวดศีรษะในขณะที่ปวดไมเกรนก็จะมีอาการปวดศรีษะข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง แสงจ้า เสียงดัง และกลิ่นฉุนจะกระตุ้นให้ปวดมากยิ่งขึ้น และอาจจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย รวมไปถึงตาพร่ามัวมองเห็นภาพไม่ชัด มีอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม ซึ่งอาการเหล่านี้คือ อาการปวดหัวไมเกรน ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเราได้ เพราะฉะนั้น เราสามารถป้องกันอาการปวดไมเกรนได้ โดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ เพื่อป้องกันการเกิดอาการไมเกรน สำหรับทางเราจะมาพูดถึงอาหารที่ช่วยรักษาอาการไมเกรน เพื่อเป็นแนวทางการรักษาและการป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรน ซึ่งต้องบอกว่าอาการเหล่านี้ไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่งเพราะเป็นภัยเงียบที่อาจจะส่งผลต่อความเสี่ยงของการเกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้
สำหรับอาหารที่เราควรรับประทาน ผู้ที่มีอาการไมเกรนควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มักจะกระตุ้นไมเกรนพร้อมกับความใส่ใจในการเลือกรับประทานอาหารก็จะช่วยป้องกันอาการปวดไมเกรนได้และยังส่งผลให้ลดความรุนแรงของอาการปวดศีรษะได้ สำหรับอาหารหลักหลักที่สามารถช่วยบำบัดอาการไมเกรนได้ ได้แก่ ผัก ผลไม้และถั่วฝัก ปลาเนื้อมัน กาแฟ ขิง ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่วผักใบเขียวเข้ม และอาหารอื่นๆที่มีแมกนีเซียมสูง นอกจากนี้ การรับประทานขิงสามารถลดอาการปวดไมเกรนได้ เพราะในขิงมีสรรพคุณในการช่วยลดการอักเสบ ลดอาการปวดในร่างกาย ช่วยบรรเทาอาการปวดศรีษะ ช่วยให้ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ทั้งยังสามารถช่วยขยายหลอดเลือดและยังช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายดีขึ้นอีกด้วย ต่อมา ข้าวกล้องซึ่งเป็นอาหารเพื่อสุขภาพเลยก็ว่าได้ และยังสามารถช่วยลดอาการปวดไมเกรนได้อีกด้วย ช่วยบำรุงระบบประสาท เช่น โรควิตกกังวล โรคนอนไม่หลับ โรคลมชัก และยังทำหน้าที่รักษาสมดุลของสมอง
จึงช่วยทำให้สมองผ่อนคลายขึ้น ลดความเครียดวิตกกังวล ทำให้นอนหลับสบาย นอกจากนี้ ข้าวกล้องงอก ยังมีแมกนีเซียมสูงกว่าข้าวกล้องปกติ ถึง 3 เท่าและแมกนีเซียมนี่เอง จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย จึงช่วยป้องกันและลดความรุนแรงของอาการปวดไมเกรนได้น้อยลง ดังนั้น การรับประทานข้าวกล้องแทนข้าวขัดสีก็สามารถช่วยลดอาการปวดไมเกรนได้ ต่อมา ผักอย่างบล็อกโคลี ซึ่งเป็นผักที่มีแมกนีเซียมสูง ช่วยลดอาการไมเกรนลงได้ มีสารต้านอนุมูนอิสระ ช่วยป้องกันโรคร้ายแรงอย่างมะเร็ง ทั้งโรคมะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม กระเพาะปัสสาวะ และยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายอีกด้วย ต่อมา ธัญพืชอย่างอัลมอนด์ ที่อุดมไปด้วยโปรตีนสูงมีแคลเซี่ยม ไรโบฟลาวินและแมกนีเซียมที่ช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรนและช่วยบำรุงในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อและยังมีกรดไขมันในโอเมก้า 3 ที่ช่วยบำรุงประสาท บำรุงสมอง ช่วยทำให้ผ่อนคลายจากอาการตึงเครียดได้
อย่างไรก็ตาม ผลไม้อย่างกล้วยหอมก็เป็นผลไม้ที่มีแมกนีเซียมสูง จึงช่วยลดอาการปวดไมเกรนได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ เพราะในกล้วยมีกรดอะมิโนและทริปโตเฟนที่ช่วยให้คลายเครียดและรู้สึกผ่อนคลายจึงทำให้นอนหลับสบายมากยิ่งขึ้น และอาหารประเภทสุดท้ายคือปลาแซลมอน ซึ่งเป็นปลาที่มีโอเมก้า 3 สูง ช่วยบรรเทาอาการอักเสบและลดอาการปวดได้ อีกทั้งยังช่วยให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่นและช่วยลดการแข็งตัวของเลือดบำรุงระบบประสาทและลดอาการปวดไมเกรนได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญที่สุด เราควรลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นต้นเหตุของการปวดหัวอย่างหนัก รวมไปถึงพฤติกรรมการสูบบุหรี่ซึ่งควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด เพราะจะส่งผลทำให้อาการไมเกรนมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม อาหารก็เป็นตัวกระตุ้นในการเกิดไมเกรนได้
เพราะฉะนั้น เราควรรับประทานอาหารให้ตรงเวลา ดื่มน้ำเยอะๆ และควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟ่อีน รวมไปถึงอาหารบางประเภท เช่น ช็อกโกแลต ผลไม้กวน ส้มและชีส และวิธีป้องกันการเกิดไมเกรนที่ดีที่สุดก็คือ การรู้และเข้าใจว่าอะไรที่เป็นสาเหตุของการกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการไมเกรนและควรพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งนั้น หากผู้ป่วยพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นต่างๆแล้วยังเกิดอาการไมเกรนอยู่หรือสามารถใช้การรักษาด้วยยาเพื่อป้องกันไมเกรนได้ ก็ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เพราะถ้าหากใช้ยาอย่างไม่เหมาะสมก็อาจจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆหรืออันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เพราะฉะนั้นก็อยากให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมไปถึงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่จะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหรือปัญหาอื่นๆของสุขภาพตามมาได้ เพราะฉะนั้น เราต้องดูแลรักษาสุขภาพด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และหมั่นออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกัน ต้านทานต่อโรค เพื่อทำให้เรามีสุขภาพที่ดีแข็งแรงและสมบูรณ์